คุณสมบัติขั้นสูงและการวางแผนการบำรุงรักษาสำหรับท่อโครงตาข่ายเหล็ก PE

ท่อโครงข่ายลวดเหล็ก PE ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมากในด้านเทคโนโลยีท่อ โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การออกแบบรวมโครงข่ายลวดเหล็กไว้ภายในชั้นโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง สร้างโครงสร้างคอมโพสิตที่มีประสิทธิภาพสูงในด้านความทนทานทางกลและต้านทานสารเคมี แนวทางการผลิตท่อแบบนี้ได้ทำให้ท่อโครงข่ายลวดเหล็ก PE เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับการใช้งานหลากหลายตั้งแต่ระบบจ่ายน้ำในที่พักอาศัยไปจนถึงโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญของท่อโครงตาข่ายเหล็กกล้า PE คือความสามารถในการทนต่อแรงดันสูงโดยไม่เกิดการรั่วหรือความล้มเหลวทางโครงสร้าง การทำให้บรรลุผลนี้ทำได้ผ่านกระบวนการทดสอบแรงดันอย่างเข้มงวด โดยระบบจะถูกอัดอากาศให้ถึง 1.5 เท่าของขีดจำกัดการใช้งานและตรวจสอบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในช่วงเวลานี้ จุดอ่อนใด ๆ ที่อาจมีอยู่ในระบบจะถูกตรวจพบและแก้ไข เพื่อให้แน่ใจว่าท่อสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพภายใต้เงื่อนไขปกติ

กระบวนการเชื่อมสำหรับท่อเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องการความใส่ใจในรายละเอียดอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้การเชื่อมที่แข็งแรงและทนทาน การเชื่อมไฟฟ้าแบบหลอมรวมเป็นเทคนิคที่ใช้กันทั่วไป โดยเกี่ยวข้องกับการอุ่นปลายท่อที่จะเชื่อมจนกระทั่งกลายเป็นของเหลวแล้วจึงทำการหลอมรวมเข้าด้วยกันภายใต้แรงกด สำหรับวิธีนี้จะประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องทำให้ท่อแห้งสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นรบกวนกระบวนการเชื่อม เมื่อเชื่อมเสร็จแล้ว ต้องปล่อยให้รอยต่อเย็นลงอย่างน้อย 120 นาทีก่อนทดสอบด้วยแรงดันน้ำเพื่อยืนยันความสมบูรณ์

การดูแลรักษาท่อจ่ายน้ำ PE มักจะเป็นไปอย่างง่ายดาย โดยข้อบกพร่องเล็กน้อย เช่น รูทรายสามารถแก้ไขได้ง่ายโดยใช้ลูกบิดเกตวาล์วแบบแฟลนจ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องจัดการกับความเสียหายที่รุนแรงกว่า อาจจำเป็นต้องใช้วิธีการซ่อมแซมเฉพาะทาง การใช้ท่อโครงกระดูกตาข่ายเหล็ก PE มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเนื่องจากมีขนาดบาง ซึ่งช่วยลดการใช้วัสดุและค่าใช้จ่ายในการขนส่ง นอกจากนี้ การขยายตัวที่ควบคุมได้ของวัสดุยังช่วยให้ท่อคงความมั่นคงและทำงานได้ดีในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ลดโอกาสของการซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูงจากการเปลี่ยนรูปตามแนวแกน